นิพพาน มิได้มีความหมายเป็นบ้านเมือง
หรือโลกของพระเป็นเจ้า
ที่เต็มไปด้วยความสุขชนิดที่ใฝ่ฝันกันและเป็นอยู่อย่างนิรันดร
ผ่านมาเกือบครึ่งปีที่ผมจบสถานะ การเป็นนักศึกษาโดยการเข้ารับปริญญา
และกลายเป็นคนหนุ่มที่รู้สึกแปลกแยกออกไปจากคนรุ่นเดียวกันเพียงเพราะคำง่ายๆไม่กี่คำ
คือ”ตัวกู-ของกู” ในขณะที่หลายคนเริ่มหางานทำ ผมยังคงนิ่งเฉยใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ สายตาญาติพี่น้องมองว่าผมเป็นคนขี้เกียจและไม่สู้งาน
ทุกอย่างเลวร้ายมากขึ้นเลื่อยๆเมื่อผมรู้สึกตามที่ผู้อื่นรู้สึกต่อตัวเอง
คือรู้สึกว่าตัวเราไม่ได้เรื่องและกำลังเดินผิดทาง
ผมกำลังจมลงไปสู่หุบเหวแห่งความมืด
เช้านี้ฝนตกเบาๆ คิดว่าคงเป็นฝนชุดแรกที่บอกว่าถึงฤดูฝนแล้ว
กลิ่นเปรี้ยวๆของแกงส้มลอยมาทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน “กาล...ตื่นได้แล้วลูก”
มันไม่ปกติที่พ่อจะมาปลุกผมเช้าแบบนี้
เพราะว่าพ่อมีนโยบายให้อิสระกับลูกชายและลูกสาวอย่างเต็มที่ แม้ครั้งสุดท้ายพี่สาวจะตอบแทนท่านด้วยการหนีตามผู้ชายไป
จบลงด้วยหลานสองคนที่ต้องมาเป็นภาระให้พวกท่านทั้งสอง แม้ว่าเธอจะกลับมาเลี้ยงดูลูกทั้งสอง
แต่เธอก็ไม่เคยกล่าวคำขอโทษเลยสักครั้ง เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นมาเลย
“นิพพาน”
มีความหมายเป็น ความดับสนิทแห่งความเร่าร้อนเผาลน,
ความเสียบแทงยอกตำ
และความผูกพันร้อยรัด อันมีอยู่ในจิตใจของมนุษย์
โดยตัดต้นเหตุแห่งความเป็นอย่างนั้นเสียได้สิ้นเชิง
สองปีก่อน ขณะที่ผมกินเหล้าเมามายอยู่ที่ร้านเหล้าด้วยเงินที่พ่อและแม่ส่งมาให้เล่าเรียน
เสียงแม่เศร้าๆกรอกผ่านหูโทรศัพท์มาถึงผม “ลูก...คุณย่าเส้นเลือดในสมองแตก” ภาพที่เด่นขึ้นมาในหัวของผมคือ
“พ่อ”ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านจะรู้สึกอย่างไร ตลอดชีวิตของท่าน สิ่งที่ตอบแทนปู่กับย่าคือคำว่าผิดหวัง
ผมจินตนาการไม่ออกจริงๆเมื่อท่านหัวถึงหมอน ท่านจะหลับตาลงได้อย่างไร
กับสิ่งที่ท่านได้ทำผิดผลาดลงไป ในปีที่เศรษฐกิจฟองสบู่แตกการลงทุนที่ดินบ้านจัดสรรทำให้สมบัติทั้งหมดของตระกูลหายไปในพริบตา
ถึงตอนนี้ผมได้มีโอกาสคุยกับพ่อ แต่ไม่สามารถหาคำพูดอะไรมาปลอบท่านได้ ผมรู้สึกว่าคำพูดที่ออกมามีแต่เปลือก
และมันทำให้ผมทุกข์ ที่ไม่สามารถหาทางออกหรือคำตอบใดๆบอกกับตนเองถึงวิธีเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้
ผมยังจำความรู้สึกเหล่านั้นได้แม่นยำ เหมือนเราอยู่ในหุบเหว
เงามืดทำให้เราตาบอด ใช้มือลูบคลำทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาและมีความสุขกับมันและเมื่อคมหินบาดมือ
เราก็แค่ร้องไห้ แล้วเมื่อแผลหายก็กลับไปลูบคลำใหม่ รู้สึกว่าชีวิตมันมีอยู่เพียงเท่านี้ อะไรคือจุดหมายปลายทางของชีวิต
ใครๆก็เข้าใจว่ามีสุขก็ต้องมีทุกข์ แต่นั้นมันเปลือกทั้งนั้น
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงหลอกตัวเองมาได้เกือบยี่กิบกว่าปีว่าชีวิตคืออะไร
ความจริงเราไม่แม้แต่จะคิดจะหาคำตอบด้วยซ้ำ ว่าชีวิตคืออะไร ตื่น ทำงาน เสพกาม
วนเวียนอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด หลายครั้งที่ผมมองออกไปเห็นผู้คนมากมาย
และเกิดคำถามว่า “ไม่รู้สึกถึงอะไรแปลกๆบ้างรึ” ไม่รู้สึกว่าเราเป็นนักโทษ จำเลย
ผู้ต้องหา บ้างเลยหรืออย่างไร
ความเป็นอย่างนี้ มีอยู่อย่างเป็นอนันตกาล
คือมีอยู่ในทุกแห่งและทุกเวลา พร้อมที่จะปรากฏแก่จิต ซึ่งปาศจากกิเลสอยู่เสมอ,
เราจึงกล่าวว่านิพพานมีสถาพเป็นนิรันดร, มีอยู่ในที่ทุกแห่งทุกเวลาอย่างไม่ขาดระยะ
ใกล้ชิดติดอยู่กับตัวเราในวัฏฏสงสารนี่เอง หากแต่เข้าไม่ถึงหรือมองไม่เห็น
เพราะจิตมีกิเลสซึ่งเป็น “เปลือก” ชนิดหนึ่งห่อหุ้มอยู่
หลังจากทานแกงส้มเป็นข้าวเช้า
พ่อบอกผมว่าสายวันนี้จะพาผมไปหาเจ้าอาวาสเพื่อปรึกษาเรื่องบวช เพราะใกล้จะเช้าพรรษาในอีกไม่กี่อาทิต
ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อนผมคงเดินหนี ไม่เห็นความจำเป็น แต่ตอนนี้ผมเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบ
มันช่วยไม่ได้ที่ความทุกข์มากเกินไปจะปลุกให้ตื่นจากความฝัน แม้จะยังหลับๆตื่นๆ
แต่นี้เป็นโอกาส ที่ผมจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สองปีมาแล้วที่ผมรอคอยโอกาสนี้
เมื่อทุกอย่างลงตัว ผมเอยปากขอในสิ่งที่ผมต้องการมาตลอดสองปี
และเชื่อแน่ชัดว่าเรามาถูกทางแน่นอน “พ่อ...ผมอยากไปบวชกับพ่อ”น้ำตาผมไหลออกมาเฉยๆ
คิดไม่ออกว่าทำไมมันถึงไหลออกมาไม่หยุด ผมแค่รู้สึกว่าทั้งชีวิตที่เกิดมา
ได้เดินทางมาไกล มาพบผู้ชายคนนี้ ได้เป็นลูก และไม่เสียใจที่เรื่องราวร้ายๆมากมายได้เกิดกับเรา
กลับรู้สึกขอบใจเรื่องราวที่ต้องทุกข์ทนต่างๆ ที่นำพาเราทั้งสองมาอยู่ในบทสนทนานี้
และผมกำลังส่งมอบสมบัติ ความหวัง ความจริงให้กับพ่อของผม
มองดูกันอีกด้านทางหนึ่ง
เมื่อจิตประกอบด้วยปัญญา มองเห็นสภาพแห่งความเป็นเช่นนั้นของนิพพาน หน่วงเอานิพพานนั้นเป็นอารมณ์
โดยมีความสลดสังเวชในความหลงของตนในกาลก่อนแล้ว กิเลสก็เริ่มเหือดแห้งไปตาม,
ฉะนั้น จึงกล่าวว่า นิพพานเป็นธรรมเครื่องดับแห่งกิเลสและความทุกข์ทั้งหลาย
ผ่านมาเกือบครึ่งปีที่ผมจบจากเป็นพระ และกลายเป็นคนหนุ่มที่รู้สึกแปลกแยกออกไปจากคนรุ่นเดี่ยวกันเพียงเพราะคำง่ายไม่กี่คำคือ”ตัวกู-ของกู
ในขณะที่หลายคนเริ่มหางานทำ ผมเดินทางกลับเข้ากรุงเทพและได้งานพาททามเป็นพนักงานเดินตั๋วหนังพอมีเงินประทังชีวิต
ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนได้รับอิสรภาพ สามเดือนในฤดูฝนที่วัดป่านั้นตอบทุกคำถามที่ผมมี
ผมกลายเป็นคนไม่มีพ่อ เมื่อท่านกลายเป็นหลวงพ่อ
ผมกราบท่าน เรามองตากัน ขอบคุณซึ่งกันและกันผ่านดวงตาคู่นั้นอ้อมกอด ในขณะที่กอดผมไม่พบความรู้สึกทุกข์ของท่าน
แน่นอนผมรู้เส้นทางของผมชัดเจน ท่านก็เช่นกัน รู้ว่ามันไกลและแสนยากลำบาก
แต่อย่างน้อยเราทั้งสองก็ได้รู้ว่ามันมีอยู่จริงๆ ไม่ไกลเกินกว่าจะไปถึง
เราทั้งสองไม่ตาบอดอีกแล้ว ไม่เสียทีแล้วที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ยังเหลืองานสำคัญอีกหนึ่งชิ้นคือ
“แม่” ผมบอกกับตัวเองว่า
จะต้องพาแม่ขึ้นมาบนวัดป่าแห่งนี้ให้ได้ในสักวันหนึ่ง
แล้วผมจะได้จบการเดินทางของตัวเองเช่นกัน
แต่เมื่อสรุปแล้ว
พิพานนั้นก็คือสภาพอันเป็นความดับสนิทแห่งความเร่าร้อนเผาลน.
ความเสียบแทงยอกตำ, และความผูกพันร้อยรัด ของมนุษย์ในทางจิตดังกล่าวแล้ว.
กิริยาที่ความเร่าร้อนเป็นต้นเปล่านั้นดับลง นั้นคือ กิริยาที่จิตลุถึงความสิ้นกิเลสหรือลุถึงนิพพาน
เรืยกว่า การนิพพาน.
การนิพพานของมนุษย์เราโดยที่แท้ก็คือความที่จิตของคนเราเข้าถึงสภาพแห่งความไม่มีความเร่าร้อนเผาลน,
ความเสียบแทงยอกตำ, และความผูกพันร้อยรัด
อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิงโดยประการทั้งปวงนั้นเอง
บทความด้วยความเมตตา โดยปากกาหัก
บทความด้วยความเมตตา โดยปากกาหัก